วันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

[Review] ทดลองเล่น iOS 8 beta 1: ยังมีอีกหลายสิ่งที่ซ่อนอยู่ (ตอนจบ)

title

หลังจากที่เรารีวิว iOS 8 beta 1 ตอนแรกไป เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา แน่นอนครับ ความสามารถที่มีมาใหม่ของ iOS 8 นั้นยังไม่หมดแน่นนอน เพราะยังมีอีกหลายอย่างเลยที่ใส่เพิ่มเข้ามา ทั้งที่ Apple ได้ประกาศในงานเปิดตัว รวมถึงบางอย่างที่ Apple เองก็ไม่ได้บอกเรา เรามาดูกันดีกว่าครับว่าจะเป็นอย่างไรกันบ้าง กับรีวิว iOS 8 beta 1 ตอบจบ

ทำงานร่วมกับ Mac มากขึ้นด้วย “Continuity”

ความสามารถนี้ เรียกได้ว่าเอาใจคนที่ใช้เครื่อง Mac ร่วมกันกับ iPhone, iPad, iPod touch เต็มที่เลยครับ เพราะจะเป็นความสามารถที่ช่วยให้การใช้งานระหว่าง OS X Yosemite กับ iOS 8 ราบรื่น ต่อเนื่องมากขึ้น แบ่งออกเป็นฟังก์ชั่นย่อยๆ หลายอย่างได้แก่

Handoff

เคยกำลังนั่งอ่านอะไรอยู่ซักอย่างค้างไว้อยู่บนคอมแล้วขี้ เกียจนั่ง อยากไปนอนอ่านสบายๆ บนจาก iPad บนโซฟาหรือบนเตียงไหมครับ แต่ถ้าลุกไปก็ต้องไปเปิดหน้าเว็บพิมพ์ url ใหม่อีกที ความสามารถ Handoff นี้ช่วยให้เราสะดวกขึ้น ด้วยขณะที่เรากำลังทำงานอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นเปิดเว็บ ส่งเมลล์ พิมพ์โน้ตในแอพโน้ต หรือทำงานอยู่ในแอพ iWork ใน iOS ก็จะมีขึ้นไอค่อนให้กดเข้ามาทำต่อได้เลยทันทีในหน้า lock screen
จากการลองใช้งานจริง เหมือนใน beta1 นี้ ฟังก์ชั่นนี้จะยังไม่ค่อยสมบูรณ์ ยังใช้งานได้เพียงแอพ Safari แต่ก็พอเห็นภาพการทำงานคร่าวๆ ได้ครับว่า สมมุติเรากำลังอ่านรีวิว iOS 8 จากเว็บ iPhoneSociety อยู่ ใน iPad และ iPhone ก็จะขึ้นโลโก้ Safari ที่มุมล่างซ้ายด้วยเหมือนกัน โดยสามารถแตะแล้วสไลด์ขึ้น เพื่อเปิดได้เหมือนกันกับทางลัดเข้าแอพกล้องครับ
photo1

เมื่อเปิดเข้ามา Safari บน iPhone ก็จะทำการเปิดหน้าเว็บที่กำลังเปิดอยู่บนเครื่อง Mac ต่อให้อัตโนมัติ (แต่จะเปิดเฉพาะหน้าต่างเดียวที่เรากำลังอ่านอยู่นะครับ ถ้าเปิดหลายแท็บก็ไม่ได้เปิดตามให้ทั้งหมด)
photo2

ส่วนในเครื่อง Mac เองจะมีไอค่อนโผล่ขึ้นมาทางด้านซ้ายของ Dock เพื่อบอกว่า ขณะนี้ กำลังถูกเปิดหน้าเว็บตามบน iPad, iPhone อยู่ ถ้าฟีเจอร์นี้ทำงานได้สมบูรณ์เมื่อไหร่ ก็น่าจะสะดวกมากๆ สำหรับการใช้งานหลายเครื่องแบบสลับกันไปมาครับ

AirDrop

หลังจาก AirDrop ได้มีครั้งแรกใน OS X 10.7 Lion ซึ่งเป็นการส่งไฟล์หากันแบบง่ายๆ สำหรับเครื่องที่อยู่ใกล้กัน หลายคนก็เริ่มบ่นว่าทำไมไม่มี AirDrop บน iOS บ้าง จนกระทั้งใน iOS 7 แอปเปิลก็ได้นำความสามารถ AirDrop ใส่เข้ามาใน iOS แล้ว แต่ก็อีก เพราะ AirDrop บน OS X ก็ส่งไฟล์หา iOS ไม่ได้ ส่วน AirDrop ของ iOS ก็ส่งไฟล์หา OS X ไม่ได้เช่นกัน เป็น AirDrop ที่ต่างคนต่างอยู่จริงๆ ส่งอะไรหากันไม่ได้เลย
photo3

มาใน iOS 8 นี้ ปัญหาที่ได้ถูกแก้ไปแล้วเสียที เราสามารถให้ส่งไฟล์ไปมาหากันได้ วิธีใช้งานก็เหมือนเดิมเลย ใน iOS เมื่อจะแชร์รูปหรือไฟล์ต่างๆ จะเจอชื่อของเครื่อง Mac อยู่ สามารถเลือกแล้วกดส่ง
photo4

ไฟล์ก็จะมาอยู่ในเครื่อง Mac เรียบร้อย หรือในเครื่อง Mac ก็สามารถเปิด AirDrop แล้วเจอ iOS Device เพื่อส่งไฟล์ไปหาได้ด้วยเช่นกัน

Instant Hotspot

หลังจากที่ AirDrop สามารถรู้ได้ว่าเครื่อง iOS Device กับเครื่อง Mac เครื่องไหนอยู่ใกล้กันบ้าง ฟีเจอร์นี้ก็จะดูว่าถ้าหากเครื่องอยู่ใกล้กัน แล้ว iPhone เปิด Personal Hotspot ไว้อยู่ 
photo5

จะสามารถกด connect เพื่อใช้อินเตอร์เน็ตจากเครื่องนั้นได้เลยทันที โดยใน OS X Yosemite จะเป็นเมนูแยกต่างออกมาชัดเจน นอกจากจะเป็นตัวเลือกให้กดเพื่อเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแล้ว ยังบอกข้อมูลอื่นๆ ของ iPhone เช่นแบตเตอรี่ที่เหลือ สัญญาณโทรศัพท์ ประเภทของเครือข่ายที่ใช้ (edge, 3G, 4G) 
เมื่อเลิกใช้งาน iPhone ก็จะปิดหยุดการเชื่อมต่อโดยอัตโนมัติครับ

answering the call

ความสามารถอีกอย่างนึง ระหว่าง iPhone, iPad และ Mac นั่นคือสามารถรับสายที่โทรเข้ามาหา iPhone จากเครื่องใดก็ได้ จะมีแจ้งเตือนสายเข้าบนเครื่องต่างๆ ของเรา แต่เท่าที่ลองตอนนี้ ความสามารถนี้ยังไม่สามารถใช้งานได้ครับ น่าจะมาใน beta ตัวถัดๆ ไปครับ

อัดวีดีโอหน้าจอของ iOS ได้ด้วย QuickTime

ความสามารถที่มาแบบลับๆ อีกอย่างหนึ่ง นั่นคือเมื่อใช้ iOS 8 กับ OS X Yosemite แล้ว เราสามารถอัดวีดีโอหน้าจอของ iPhone ได้เลย โดยเมื่อเสียบสาย usb เข้ากับ OS X จะมองเห็นหน้าจอ iPhone ของเราเป็นเหมือนกับ input อันนึงของเครื่องครับ 
photo6

สามารถใช้แอพที่ดู input ของเครื่องได้ อย่างเช่นแอพ QuickTime เมื่อกด New Movie Recording แล้วเลือก input ที่จะอัดวีดีโอ จะมีตัวเลือกวีดีโอหน้าจอของ iPhone โผล่ขึ้นมาทันทีครับ

iCloud ปรับใหม่ ดูข้อมูลได้มากขึ้น

สำหรับ iCloud นอกจากจะมีการปรับราคาพื้นที่ใหม่ ให้ถูกลงกว่าเดิม โดยแจกฟรี 5GB และมีให้ซื้อเพิ่มในราคาเริ่มต้นที่ 20GB : 30 บาทต่อเดือนแล้ว
หน้าจัดการข้อมูลของ iCloud ก็มีการปรับใหม่เล็กน้อย มีการปรับให้ตัวเลือกต่างๆ อยู่เป็นที่เป็นทางมากขึ้น รวมถึงเพิ่มส่วนของหน้าดูข้อมูลของ Apple ID ของเรา 
photo7

ซึ่งจะสามารถบอกข้อมูลเกี่ยวกับ Apple ID ของเราเช่น ข้อมูลส่วนตัว, ที่อยู่, อีเมลล์ที่ใช้, การตั้งค่า password, ข้อมูลบัตรเครดิตที่ใช้ ซึ่งของเดิมถ้าจะดูข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ต้องไปดูในเว็บหรือแอพ iTunes บนคอมพิวเตอร์ 
photo8

แต่ก็ไม่ต้องห่วงว่าใครจะสามารถเข้ามาแอบดูข้อมูลต่างๆ ของเราได้ เนื่องจากการที่จะเข้ามาตรงนี้ จะต้องใส่ password ของ Apple ID เราก่อนครับ

Control Center เปลี่ยนเล็กน้อยในตอนปรับความสว่างจอ

ดูเผินๆ หน้าตาของ Control Center ที่ให้ลากจากด้านล่างหน้าจอขึ้นมาก็ยังคงเหมือนเดิมกับใน iOS 7 ใช่ไหมครับ แต่ใน Control Center บน iOS 8 นี้ แอบมีลูกเล่นเล็กๆ ที่เป็นปัญหาที่บางคนบ่นมา
นั่นคือใน iOS 7 ของเดิม เมื่อลาก Control Center ขึ้นมาปุ๊บ หน้าจอด้านหลังจะถูกทำให้มืดลงกว่าเดิม เหลือแต่ Control Center ที่สว่าง เพื่อให้เด่นขึ้นมา แต่ทีนี้ พอกดปรับความสว่างหน้าจอจาก Control Center ก็เลยไม่รู้ว่าที่ปรับไปแล้ว มันสว่างโอเคหรือยัง ถ้าอยากรู้ว่าสว่างมากไปหรือน้อยไปหรือเปล่าก็ต้องปิด Control Center ก่อน แล้วดูความสว่าง แล้วมาปรับอีกทีถ้าไม่พอใจ 
photo9

แต่ใน iOS 8 แอปเปิลได้แก้ปัญหานี้ด้วยการที่ ทันทีที่เราแตะปุ่มปรับความสว่างหน้าจอ พื้นหลังที่ถูกทำให้มืด ก็จะสว่างขึ้นมาเป็นปกติ ให้เราสามารถกะความสว่างที่ต้องการได้แม่นยำขึ้น แล้วเมื่อเราปล่อย พื้นหลังก็จะกลับไปมืดเหมือนเดิม เป็นความสามารถเล็กๆ ที่แอปเปิลเอาใจใส่พอสมควรเลยครับ 

Safari มีตัวเลือกเพิ่ม, มีหน้าดู Tab ทั้งหมดใน iPad

ในยุคนี้ที่ไม่ว่าเว็บไหนๆ ก็จะมีเว็บเวอร์ชั่นสำหรับโทรศัพท์ หรือหน้าเว็บแบบ Mobile กันทั้งนั้น เพื่อให้คนที่ใช้โทรศัพท์มือถือที่มีหน้าจอขนาดเล็กสามารถใช้งานเว็บได้ อย่างสะดวก ไม่ต้องคอยใช้นิ้วถ่างเข้าถ่างออกหน้าจอเพื่อขยายกันให้เสียเวลา
แต่สำหรับบางเว็บ หน้าเว็บเวอร์ชั่นมือถืออาจจะมีข้อมูล หรือการแสดงผลบางอย่างที่ไม่เหมือนกับหน้าเว็บแบบเต็มสำหรับบนคอม ซึ่งถ้าเป็นใน iOS รุ่นก่อนๆ ถ้าอยากดูหน้าเว็บเวอร์ชั่นแบบบนคอม ก็ต้องลุกมาเปิดคอมเท่านั้น แต่ Safari ใน iOS 8 ได้เพิ่มปุ่ม Request Desktop Site มาแล้ว ซึ่งจะอยู่ในหน้าที่เรากำลังพิมพ์ url ของเว็บ เมื่อเลื่อนส่วนของโลโก้เว็บต่างๆ ที่เรา Bookmark ไว้ ก็จะเจอกับปุ่มนี้ครับ พอกดแล้วเว็บที่เราเข้าก็จะกลายเป็นเวอร์ชั่นแบบสำหรับบนคอมธรรมดาทั่วไป 
photo10

มีอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่แอปเปิลไม่ได้ประกาศในงาน นั่นคือเวลาที่เราใช้ Safari เข้าหน้าเว็บซื้อของที่มีช่องกรอกบัตรเครดิต จะมีตัวเลือกให้ใช้กล้องสแกนบัตรเครดิตได้เลย!! 
photo11

โดยให้เราวางบัตรเครดิตไว้เฉยๆ กล้องจะสแกนข้อมูล ใช้เวลาประมาณ 3-5 วินาที หลังจากนั้นก็จะทำการกรอกข้อมูลในช่องกรอกให้เราเสร็จสรรพเลยทั้งเลขที่บัตร และชื่อ ซึ่งหลังจากลองสแกนแล้วข้อมูลก็ถูกต้องครับ ใช้ได้ดีเลยทีเดียว
photo12

สำหรับใครที่ใช้ iPad อยู่ Safari บน iPad ก็มีการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน อย่างเช่นการเปิดหน้าเว็บ ถ้าเลื่อนหน้าเว็บลงมาด้านล่าง แถบด้านบนก็จะย่อเหลือแค่ขนาดเล็กๆ เช่นเดียวกันกับ Safari บน iPhone แล้ว เพื่อให้มีพื้นที่ในการอ่านหน้าเว็บเยอะขึ้น
photo13

และได้มีการเพิ่มหน้าสำหรับดูแท็บที่เปิดอยู่ทั้งหมดด้วยครับ โดยจะมีปุ่มอยู่ที่มุมขวาบน พอกดปุ๊บ จอที่เปิดอยู่ก็จะย่อลงมา แล้วแสดงหน้าที่เปิดอยู่ทั้งหมดคล้ายๆ กับหน้าแสดงแท็บที่เปิดอยู่ของ iPhone แต่จัดรูปแบบใหม่ให้เหมาะกับจอใหญ่มากขึ้น สำหรับหน้าไหนที่ต้องการปิดก็ให้ปัดไปทางด้านซ้ายเหมือนกับของ iPhone ครับ 
photo14

iMessages ยกเครื่องเป็นแอพแชทเต็มรูปแบบ

แอพ iMessages นี่เป็นเหมือนกับการปรับปรุงครั้งใหญ่เลยก็ว่าได้ครับ จากเดิมที่แอพ iMessage จะเป็นเพียงแค่แอพส่งข้อความธรรมดา มาในเวอร์ชั่นนี้ ได้ใส่ความสามารถใหม่ๆ เข้ามาเพียบ เรียกได้ว่าไม่น้อยหน้าแอพแชทตัวอื่นๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการส่งข้อความเสียงแบบสั้นๆ, ถ่ายคลิปวีดีโอส่งแบบสั้นๆ, คุยเป็นกลุ่ม, แชร์ตำแหน่งของเรา, มีอัลบัมรูปของกรุ๊ปแชทให้ดูย้อนหลังสะดวกๆ ที่ยังไม่มีก็คงจะเป็นการส่งสติกเกอร์แบบ Line เท่านั้นเอง 
photo15

ที่ด้านบนของคีย์บอร์ด ด้านซ้ายจะมีไอค่อนของกล้องอยู่ครับ สามารถแตะเพื่อเลือกภาพจากใน Photo Library หรือเลือกถ่ายรูปใหม่ก็ได้ ในหน้านี้จะมีส่วนที่เพิ่มมาคือ จะมีภาพที่ถ่ายล่าสุดเรียงมาให้เลือกเลย เพิ่มความสะดวกในการเลือกรูป 
photo16

แต่ถ้าแตะไอค่อนกล้องค้างเอาไว้ จะเป็นการเค้าสู่โหลดการถ่ายรูปเลยทันที โดยสามารถเลือกได้ว่าจะถ่ายเป็นภาพนี่ง หรือถ่ายเป็นวีดีโอ ถ้าต้องการถ่ายภาพนิ่งก็แตะค้างแล้วเลื่อนนิ้วไปที่ปุ่มชัตเตอร์ พอปล่อยนิ้วก็จะเป็นการถ่ายรูปโดยทันที ส่วนการถ่ายวีดีโอก็เช่นกันกัน สามารถลากนิ้วมาที่ปุ่มสีแดงเพื่อถ่ายวีดีโอ แล้วปล่อยนิ้วเมื่อถ่ายเสร็จได้เลย 
photo17

อีกฝั่งที่ด้านขวาจะเป็นปุ่มไมค์อัดเสียง Apple เรียกการใช้งานปุ่มนี้ว่า “Tap to Talk” ครับ ซึ่งการใช้งานก็จะเหมือนกันกับการใช้ปุ่มกล้องที่ด้านซ้ายคือแตะค้างเพื่อ อัดเสียง เมื่อเสร็จแล้วก็สามารถลากนิ้วไปด้านบนที่ปุ่มลูกศรเพื่อส่งคลิปเสียงได้เลย เช่นกัน
photo18

ลูกเล่นอีกอย่างของการส่งข้อความเสียง คือเมื่อมีข้อความเสียงเข้ามา สามารถยก iPhone ขึ้นมาแนบหูเพื่อฟังข้อความเสียงที่ส่งเข้ามาได้เลยเหมือนรับโทรศัพท์ เมื่อฟังข้อความเสียงที่เข้ามาเสร็จ สามารถยกขึ้นมาแนบหูอีกที เพื่อพูดข้อความเสียงกลับไปหาได้ สามารถตอบได้ตั้งแต่ในหน้า lock screen ได้เลยครับ 
photo19

แอพ Weather ดูพยากรณ์ล่วงหน้าได้มากขึ้น

แอพพยากรณ์อากาศ ที่เพิ่มปรับเปลี่ยนหน้าตาใหม่หมดใน iOS 7 ดูใน iOS 8 อาจจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่ถ้าลองใช้งานดูจะสังเกตได้ว่าแอพพยากรณ์อากาศนี้สามารถเลื่อนขึ้นมา เพื่อดูพยากรณ์อากาศล่วงหน้าได้ถึง 10 วัน และยังมีข้อมูลอย่างอื่นให้ดูเพิ่มขึ้นมา เช่นเวลาพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก, ความเร็วลมเป็นต้น 
photo20

ในแอพ Weather เวอร์ชั่นใหม่นี้ได้เปลี่ยนข้อมูลการพยากรณ์อากาศจากของ Yahoo! มาเป็นข้อมูลจาก The Weather Channel แล้วครับ

แอพ Mail เพิ่มการใช้งานโดยการปัดนิ้ว

ในส่วนของแอพ Mail ก็มีการปรับปรุงด้วยเช่นเดียวกัน ในขณะที่เราเขียน email ใหม่ จะสามารถปัดหน้าเขียน email ลงมา เพื่อดู email อื่นๆ ได้ เอาไว้ให้เราสามารถก๊อบข้อความต่างๆ จาก email เก่าๆ ที่ส่งเข้ามา เมื่อก๊อบข้อความเสร็จแล้วก็สามารถเลือกที่หน้าเขียน email เพื่อกลับมาเขียน email ต่อได้เหมือนเดิม สามารถเขียนพร้อมกันได้หลายฉบับด้วยครับ
photo21

การใช้งานแอพ Mail ก็มีการเพิ่มลูกเล่นการปัดนิ้วเข้ามาด้วยเหมือนกัน ใน list ของ email แต่ละอัน ของเดิมเราสามารถปัดไปทางซ้ายเพื่อแสดงปุ่ม Delete แต่ใน iOS 8 นี้จะมีตัวเลือก Flag เพิ่มขึ้นมา รวมทั้งสามารถปัดไปทางด้านซ้าย เพื่อมาร์ก email ว่าอ่านแล้วได้ด้วย 
photo22

ส่วนถ้าต้องการลบ email อันไหน ก็สามารถปัดไปซ้ายสุดเพื่อลบทิ้งได้เลย เพิ่มความเร็วในการลบ email ต่างๆ
photo23

Health จุดศูนย์รวมข้อมูลด้านสุขภาพจากอุปกรณ์เสริมต่างๆ

แอพ Health จะเป็นแอพใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใน iOS 8 ซึ่งจะมีความสามารถหลากหลายอย่างเกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นนอน, การออกกำลังกาย, การเต้นของหัวใจ, สารอาหารต่างๆ ซึ่งจะข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ จะได้มาจากอุปกรณ์เสริมที่สามารถเชื่อมต่อกับ iPhone ได้ ดังนั้นแอพ Health จึงเป็นเหมือนศูนย์กลางของข้อมูลด้านสุขภาพของเรา ไว้ดูข้อมูลด้านสุขภาพ สำหรับผู้ที่มีอุปกรณ์เสริมเหล่านี้อยู่ครับ
photo24

หน้าตาของตัวแอพก็ทำออกมาสวยดีทีเดียวครับ หน้าแรกจะเป็นหน้า Dashboard ให้เราเลือกว่าจะให้นำข้อมูลอะไรมาแสดงในหน้านี้บ้าง ซึ่งจะแสดงข้อมูลในรูปแบบของกราฟ สามารถเลือกให้แสดงเป็นตามวัน, อาทิตย์, เดือน, ปีได้ ส่วนอันไหนที่เราไม่มีข้อมูล ก็ไม่ต้องตั้งให้แสดง
photo25

และในแอพ Health ยังมี Medical ID ซึ่งจะเก็บประวัติส่วนตัวเกี่ยวกับสุขภาพ เช่นชื่อ, อายุ, กรุ๊บเลือด, ยาที่แพ้, ประวัติการรักษา, ยาที่ใช้อยู่ ไว้กรณีที่เกิดเหตุต้องรักษาฉุกเฉินก็จะสามารถใช้ข้อมูลตรงนี้บอกกับแพทย์ ได้เลย

photo26

 

มีอะไรอย่างอื่นอีก?

App Store

หน้าค้นหาแอพใน App Store มีการปรับรูปแบบการแสดงผลใหม่ จากเดิมที่จะเป็นการเลื่อนในแนวนอน ใน iOS 8 จะเปลี่ยนมาเป็นการเลื่อนในแนวตั้งครับ
photo27

Maps

แอพแผนที่ได้มีการย้ายปุ่มเปลี่ยนมุมมองแบบ 3 มิติ เข้ามาอยู่ในไอค่อนรูปตัว i แทน ทำให้แถบด้านล่างที่หน้าแรกเหลือพื้นที่ว่างอยู่ อันนี้ก็ไม่รู้ว่าเว้นที่ไว้รอสำหรับการเพิ่มความสามารถใหม่ๆ ในอนาคตที่กำลังเป็นข่าวลือหรือเปล่า
photo28

Spotlight

สำหรับการค้นหาใน Spotlight นอกจากจะหาข้อมูลต่างๆ ภายในเครื่องนี้ได้แล้ว ใน iOS 8 ก็จะมีการนำเสนอข้อมูลอื่นๆ ที่เราน่าจะสนใจอีก โดยจะดูจากคำที่เราจะค้นหาครับ เช่นถ้าเราจะค้นเกม ถ้าเกมนั้นไม่มีอยู่ในเครื่อง ก็จะแสดงลิงค์แอพนี้ใน App Store หรือถ้าเราค้นหาข้อมูลอะไร ก็จะแนะนำลิงค์จาก Wikipedia มาให้ 
photo29

Family Sharing

ความสามารถ Family sharing จะเป็นความสามารถที่ให้คนที่อยู่ครอบครัวเดียวกัน สามารถแชร์เกม, เพลง, หนัง ที่ซื้อจาก Store มาดูด้วยกัน, สามารถแชร์บัตรเครดิตไว้ใช้ด้วยกันได้ รวมทั้งสามารถติดตามตำแหน่งคนที่อยู่ในครอบครัวได้ แต่ความสามารถนี้เท่าที่ลองดูยังไม่ค่อยสมบูรณ์ใน Beta 1 เดี๋ยวใน iOS 8 ตัวเต็ม ถ้าความสามารถนี้สมบูรณ์เมื่อไหร่เราจะมาแนะนำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักอีกทีนึงครับ
photo30

Accessibility

ในตัวเลือกของ Accessibility มีตัวเลือกนึงที่เพิ่มเข้ามา นั่นคือสามารถปรับให้หน้าจอแสดงเป็นสีขาวดำได้ แต่ความสามารถนี้จะไม่ได้ทำออกมาเพื่อเน้นการประหยัดแบตเตอรี่เหมือนของ Samsung แต่มีไว้สำหรับผู้ที่มีปัญหาทางด้านการมองเห็นครับ
photo31

สำหรับรีวิว iOS 8 beta 1 ก็ขอจบลงเพียงเท่านี้ ส่วน iOS 8 ตัวเต็มจะออกมาให้ทุกคนได้ใช้กันในช่วงเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ครับ ยังไงก็อดใจรอกันซักหน่อย อีกไม่นานก็จะได้ใช้กันแล้วครับ แล้วคราวหน้าเราจะมีอะไรมาฝาก อย่าลืมติดตามกันนะคร้าบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น