App Store,iphone App review,ipa load,iphone news,ข่าวไอโพน,App iphone,iphone,ios
วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2556
iTunes 11.1 ออกแล้ว ปล่อยดาวน์โหลดแล้วทั้ง Windows และ Mac
iTunes 11.1 ใช้สำหรับการจัดการ iOS 7 บน iDevice ตอนนี้เปิดให้ดาวน์โหลดอย่างเป็นทางการแล้วสามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่
http://www.apple.com/itunes/download/
ติดตั้งรอการมาของ iOS 7 ได้เลยนะครับ
ป้ายกำกับ:
ดาวน์โหลด iTune,
download itune 11.1,
iTune,
itune 11.1,
iTunes 11.1
วันศุกร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2556
iPhone 5c (ไอโฟน 5C)
iPhone 5c (ไอโฟน 5C) อัพเดทล่าสุดสเปคและราคา : ชมการสรุปข้อมูลอย่างเป็นทางการ ทั้งสเปค และ ฟีเจอร์เด่น ของ iPhone 5c ได้ที่นี่
สำหรับ iPhone 5C นั้นถือเป็นอีกหนึ่งรุ่น ที่ทาง Apple นั้นได้ทำการเปิดตัวไปในช่วงค่ำคืนวันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่ง iPhone 5C นั้นเรียกได้ว่า มีสเปคที่ใกล้เคียงกับ iPhone 5 เดิมเป็นอย่างมาก จะต่างกันก็เพียง วัสดุที่ใช้เท่านั้น ซึ่งในวันนี้ ทีมงานเว็บไซต์ Thaimobilecenter ได้ทำการรวบรวมเอา ข้อมูลอย่างเป็นทางการทั้งหมดของ iPhone 5C มาให้ได้ชมกันว่า สมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าว จะมีฟีเจอร์อะไรเด็ดๆ ที่น่าสนใจบ้าง และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ลองมาชมกันเลยดีกว่าครับว่า iPhone 5C นั้นจะถูกใจเพื่อนๆ มากแค่ไหน
สำหรับ iPhone 5C นั้น จะมีสีสันให้ได้เลือกกันถึง 5 สีเลยทีเดียว ประกอบด้วย สี ขาว, แดง, เหลือง, ฟ้า และ เขียว ซึ่งตัวเครื่องด้านหลังนั้น จะใช้วัสดุเป็น Polycarbonate ซึ่งถือเป็นพลาสติกที่มีความแข็งแรงมากพอสมควร
ในส่วนของชิปประมวลผลของ iPhone 5C นั้นจะเป็นชิปประมวลผลตัวเดียวกันกับที่ใช้บน iPhone 5 นั่นก็คือชิป Apple A6 นั่นเอง ซึ่งชิปดังกล่าวนั้นเป็นชิปประมวลผลแบบ Dual-Core ที่ถูกปรับปรุงให้ใช้พลังงานน้อยลง คุณจึงสามารถใช้งานต่อเนื่อง ได้อย่างยาวนาน
คุณยังคงสามารถใช้งานเครือข่าย LTE หรือ 4G บน iPhone 5C ได้ด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับเครือข่าย และ ผู้ให้บริการในแต่ละประเทศเป็นหลัก นอกจากนี้ การใช้งานผ่านเครือข่าย LTE ยังประหยัดพลังงานกว่า 3G มากพอสมควร
สำหรับกล้องดิจิตอลด้านหลังบน iPhone 5C นั้นจะมีความละเอียดอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล และรองรับการถ่ายวีดีโอ ด้วยความละเอียดสูงถึงระดับ Full HD (1080p) และยังคงมีกล้องดิจิตอลด้านหน้าให้ใช้งานด้วยเช่นเดียวกัน
สำหรับ iPhone 5C นั้นจะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ iOS 7 ตั้งแต่แกะกล่อง โดยระบบปฏิบัติการดังกล่าวนั้น มีฟีเจอร์ใหม่มากกว่า 200 ฟีเจอร์ รวมถึงมีการปรับปรุง หน้าตาใหม่แบบยกแผง
Apple ยังได้มีการออกแบบเคส สำหรับ iPhone 5C โดยเฉพาะ ซึ่งมีสีสันให้เลือกมากมาย อีกทั้งยังสามารถปกป้อง iPhone 5C ของคุณ ต่อรอยขีดข่วนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี ส่วนราคาของเคสสำหรับ iPhone 5C นั้นก็จะอยู่ที่ประมาณ 950 บาท
สามารถชมการเปรียบเทียบทั้งสเปค และ ฟีเจอร์ ระหว่าง iPhone 5S, iPhone 5C และ iPhone 5 แบบเต็มๆ ได้โดยการ คลิ๊กที่นี่
สำหรับ iPhone 5C นั้นจะเริ่มเปิดให้ พรีออเดอร์ ในสหรัฐฯ และ ประเทศอื่นๆ ที่มี Apple Store เปิดอยู่ ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน นี้เป็นต้นไป แต่สำหรับประเทศไทยนั้น คาดว่าน่าจะเป็นช่วงเดือน ธันวาคม เนื่องจาก Apple ได้เตรียมวางจำหน่ายอีกกว่า 100 ประเทศทั่วโลกในช่วงเดือนดังกล่าว
เรียกได้ว่าราคาของ iPhone 5C นั้นไม่ได้ถูกอย่างที่ใครหลายๆ คนหวังไว้ เนื่องจาก ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีราคาอย่างเป็นทางการในประเทศไทย แต่ราคาจาก Apple Store เพื่อนบ้านอย่าง สิงคโปร์ สำหรับ iPhone 5C นั้น ถูกตั้งไว้ที่ 848 SGD หรือประมาณ 21,400 บาท ซึ่งโดยปกติแล้ว ราคาจาก Apple Store สิงคโปร์ จะแพงกว่าประเทศไทยประมาณ 2,000 - 3,000 บาท จึงทำให้ราคาของ iPhone 5C ในประเทศไทยนั้น น่าจะอยู่ที่ประมาณ 17,900 - 18,900 บาท ซึ่งถ้าหาก มีกำหนดการที่แน่นอน รวมถึง ราคา ที่จะวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ทีมงานจะรีบนำมาอัพเดทให้ได้ทราบกันทันทีครับ
สำหรับ iPhone 5C นั้นถือเป็นอีกหนึ่งรุ่น ที่ทาง Apple นั้นได้ทำการเปิดตัวไปในช่วงค่ำคืนวันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่ง iPhone 5C นั้นเรียกได้ว่า มีสเปคที่ใกล้เคียงกับ iPhone 5 เดิมเป็นอย่างมาก จะต่างกันก็เพียง วัสดุที่ใช้เท่านั้น ซึ่งในวันนี้ ทีมงานเว็บไซต์ Thaimobilecenter ได้ทำการรวบรวมเอา ข้อมูลอย่างเป็นทางการทั้งหมดของ iPhone 5C มาให้ได้ชมกันว่า สมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าว จะมีฟีเจอร์อะไรเด็ดๆ ที่น่าสนใจบ้าง และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ลองมาชมกันเลยดีกว่าครับว่า iPhone 5C นั้นจะถูกใจเพื่อนๆ มากแค่ไหน
iPhone 5C จะมีให้เลือก 5 สี
สำหรับ iPhone 5C นั้น จะมีสีสันให้ได้เลือกกันถึง 5 สีเลยทีเดียว ประกอบด้วย สี ขาว, แดง, เหลือง, ฟ้า และ เขียว ซึ่งตัวเครื่องด้านหลังนั้น จะใช้วัสดุเป็น Polycarbonate ซึ่งถือเป็นพลาสติกที่มีความแข็งแรงมากพอสมควร
iPhone 5C ใช้ชิปประมวลผล Apple A6
ในส่วนของชิปประมวลผลของ iPhone 5C นั้นจะเป็นชิปประมวลผลตัวเดียวกันกับที่ใช้บน iPhone 5 นั่นก็คือชิป Apple A6 นั่นเอง ซึ่งชิปดังกล่าวนั้นเป็นชิปประมวลผลแบบ Dual-Core ที่ถูกปรับปรุงให้ใช้พลังงานน้อยลง คุณจึงสามารถใช้งานต่อเนื่อง ได้อย่างยาวนาน
iPhone 5C รองรับการเชื่อมต่อผ่านเครือข่าย LTE
คุณยังคงสามารถใช้งานเครือข่าย LTE หรือ 4G บน iPhone 5C ได้ด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับเครือข่าย และ ผู้ให้บริการในแต่ละประเทศเป็นหลัก นอกจากนี้ การใช้งานผ่านเครือข่าย LTE ยังประหยัดพลังงานกว่า 3G มากพอสมควร
iPhone 5C มาพร้อมกับกล้องดิจิตอลความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
สำหรับกล้องดิจิตอลด้านหลังบน iPhone 5C นั้นจะมีความละเอียดอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล และรองรับการถ่ายวีดีโอ ด้วยความละเอียดสูงถึงระดับ Full HD (1080p) และยังคงมีกล้องดิจิตอลด้านหน้าให้ใช้งานด้วยเช่นเดียวกัน
iPhone 5C จะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ iOS 7
สำหรับ iPhone 5C นั้นจะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ iOS 7 ตั้งแต่แกะกล่อง โดยระบบปฏิบัติการดังกล่าวนั้น มีฟีเจอร์ใหม่มากกว่า 200 ฟีเจอร์ รวมถึงมีการปรับปรุง หน้าตาใหม่แบบยกแผง
เคสสำหรับ iPhone 5C
Apple ยังได้มีการออกแบบเคส สำหรับ iPhone 5C โดยเฉพาะ ซึ่งมีสีสันให้เลือกมากมาย อีกทั้งยังสามารถปกป้อง iPhone 5C ของคุณ ต่อรอยขีดข่วนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี ส่วนราคาของเคสสำหรับ iPhone 5C นั้นก็จะอยู่ที่ประมาณ 950 บาท
ตารางเปรียบเทียบสเปค ระหว่าง iPhone 5S, iPhone 5C และ iPhone 5
เพื่อให้สามารถเห็นความแตกต่างในเรื่องของสเปค ตัวเครื่องได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทีมงานจึงได้ทำการจัดทำตารางเปรียบเทียบสเปค ระหว่างทั้งสามรุ่น ให้ได้ชมกันว่า จะมีความแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน ลองมาชมกันเลยครับสามารถชมการเปรียบเทียบทั้งสเปค และ ฟีเจอร์ ระหว่าง iPhone 5S, iPhone 5C และ iPhone 5 แบบเต็มๆ ได้โดยการ คลิ๊กที่นี่
iPhone 5C (ไอโฟน 5C) จะวางจำหน่ายเมื่อไหร่ ?
สำหรับ iPhone 5C นั้นจะเริ่มเปิดให้ พรีออเดอร์ ในสหรัฐฯ และ ประเทศอื่นๆ ที่มี Apple Store เปิดอยู่ ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน นี้เป็นต้นไป แต่สำหรับประเทศไทยนั้น คาดว่าน่าจะเป็นช่วงเดือน ธันวาคม เนื่องจาก Apple ได้เตรียมวางจำหน่ายอีกกว่า 100 ประเทศทั่วโลกในช่วงเดือนดังกล่าว
ราคา iPhone 5C (ไอโฟน 5C) จะอยู่ที่เท่าไหร่ ?
เรียกได้ว่าราคาของ iPhone 5C นั้นไม่ได้ถูกอย่างที่ใครหลายๆ คนหวังไว้ เนื่องจาก ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีราคาอย่างเป็นทางการในประเทศไทย แต่ราคาจาก Apple Store เพื่อนบ้านอย่าง สิงคโปร์ สำหรับ iPhone 5C นั้น ถูกตั้งไว้ที่ 848 SGD หรือประมาณ 21,400 บาท ซึ่งโดยปกติแล้ว ราคาจาก Apple Store สิงคโปร์ จะแพงกว่าประเทศไทยประมาณ 2,000 - 3,000 บาท จึงทำให้ราคาของ iPhone 5C ในประเทศไทยนั้น น่าจะอยู่ที่ประมาณ 17,900 - 18,900 บาท ซึ่งถ้าหาก มีกำหนดการที่แน่นอน รวมถึง ราคา ที่จะวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ทีมงานจะรีบนำมาอัพเดทให้ได้ทราบกันทันทีครับ
iPhone 5S (ไอโฟน 5S) อัพเดทล่าสุด
iPhone 5S (ไอโฟน 5S) อัพเดทล่าสุด : iPhone 5S เปิดตัวแล้ว ชมสรุปข้อมูล พร้อมสเปค และ ราคา ได้ที่นี่
ในที่สุด iPhone 5S ก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว เมื่อช่วงค่ำคืนของวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่ง iPhone 5S นั้นก็มาพร้อมกับการปรับปรุงทั้งในเรื่องของสเปค รวมถึงมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้ามามากมาย โดยในวันนี้ ทีมงานเว็บไซต์ Thaimobilecenter ได้ทำการรวบรวมข้อมูลโดยสรุป ทั้งในเรื่องของสเปค และ ฟีเจอร์ต่างๆ ของ iPhone 5S มาให้ได้ชมกันว่า สมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าว จะมีความน่าสนใจมากแค่ไหน และ จะมีฟีเจอร์อะไรเด่นๆ บ้าง ถ้าพร้อมแล้ว ลองมาชมกันเลยครับ
สำหรับ iPhone 5S นั้น จะมีตัวเลือกเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งรุ่น นั่นก็คือ รุ่นสีทอง ส่วน รุ่นสีดำ และ สีขาว นั้นก็ยังคงมีการวางจำหน่ายตามปกติ ซึ่งตัวเครื่อง iPhone 5S นั้นจะมีความบางอยู่ที่ 7.6 มิลลิเมตร และ มีน้ำหนักเพียง 112 กรัมเท่านั้น
iPhone 5S นั้นจะมาพร้อมกับ ระบบสแกนลายนิ้วมือ ที่เรียกว่า Touch ID ซึ่งเป็นระบบสแกนลายนิ้วมือ ความละเอียดสูง ที่อยู่ภายในปุ่มโฮม คุณสามารถปลดล็อคเครื่อง รวมถึง ยืนยันการซื้อแอพพลิเคชั่น ด้วยลายนิ้วมือของคุณเองได้ทันที
สำหรับชิป Apple A7 ที่อยู่บน iPhone 5S นั้นทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าว กลายเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรก ที่ใช้ชิปประมวลผลแบบ 64Bit ซึ่งชิปดังกล่าวนั้น ใช้สถาปัตยกรรมในการผลิตเดียวกันกับ ชิปประมวลผลบนคอมพิวเตอร์เลยทีเดียว นอกจากนี้ เมื่อเทียบความเร็วในการประมวลผลของ Apple A7 กับ iPhone รุ่นแรก ชิปรุ่นใหม่ล่าสุดนี้ จะประมวลผลได้เร็วกว่ารุ่นแรกถึง 40 เท่า
สำหรับชิป M7 นั้นถือเป็นชิป ใหม่ล่าสุดที่ถูกนำมาใช้บน iPhone 5S โดยชิปดังกล่าวนั้นจะทำหน้าที่ประมวลผล และตรวจจับการเคลื่อนไหว เพื่อให้นักพัฒนา สามารถพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมในอนาคต
สำหรับกล้องดิจิตอลบน iPhone 5S นั้นยังคงมีความละเอียดอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล แต่จะมีการปรับปรุงขนาดเซ็นเซอร์รับภาพ ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อให้ได้ภาพที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการเปลี่ยนไฟแฟลชด้านหลังเป็น Dual-LED ที่ถูกพัฒนาใหม่ในชื่อ True tone flash ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงเพิ่มเป็น LED 2 ดวง แต่มีการ ปรับปรุง ให้สามารถถ่ายภาพด้วยแฟลช แต่ยังคงได้สีสันที่สมจริงนั่นเอง
นอกจากนี้ iPhone 5S ยังรองรับการถ่ายภาพสโลว หรือ Slo-Mo ที่ 120 เฟรม ต่อวินาที ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก ชิปประมวลผลประสิทธิภาพสูง จึงสามารถถ่ายวีดีโอในโหมดดังกล่าวได้
แน่นอนว่า สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อย่าง iPhone 5S นั้นก็จะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง iOS 7 ตั้งแต่แกะกล่องเลยทีเดียว ซึ่งระบบปฏิบัติการดังกล่าวนั้น ถูกออกแบบให้สามารถทำงานร่วมกับ iPhone 5S ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในการรันแอพพลิเคชั่นแบบ 64 Bit
นอกจากนี้ Apple ยังได้มีการเปิดขายเคส iPhone 5S ที่ออกแบบโดย Apple ซึ่งมีให้เลือกหลากสีสัน โดยเคสรุ่นดังกล่าว จะช่วยปกป้องตัวเครื่อง จากรอยขีดข่วน ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
สามารถชมการเปรียบเทียบทั้งสเปค และ ฟีเจอร์ ระหว่าง iPhone 5S, iPhone 5C และ iPhone 5 แบบเต็มๆ ได้โดยการ คลิ๊กที่นี่
สำหรับ วันวางจำหน่ายของ iPhone 5S สำหรับประเทศไทยนั้น คาดว่าน่าจะอยู่ในช่วงเดือน ธันวาคม ซึ่ง Apple จะเริ่มจำหน่ายในสหรัฐฯ รวมถึง ประเทศหลักๆ ที่มี Apple Store ในประเทศนั้นๆ ก่อน และ จะวางจำหน่ายอีกกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ในช่วงเดือนธันวาคมนี้นั่นเอง
สำหรับราคาในประเทศไทยนั้น ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ในเว็บไซต์ Apple Store เพื่อนบ้างอย่าง Singapore ก็มีการตั้งราคาไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งในสิงคโปร์นั้น iPhone 5S จะเริ่มต้นที่ 988SGD หรือประมาณ 24,500 บาท ซึ่งราคาในสิงคโปร์ นั้นจะแพงกว่าบ้านเราประมาณ 2,000 - 3,000 บาท จึงเป็นไปได้ว่า ราคาของ iPhone 5S น่าจะเริ่มต้นที่ประมาณ 21,900 - 22,900 บาท สำหรับรุ่น 16 GB นั่นเองครับ ซึ่งถ้าหากมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วันวางจำหน่าย รวมถึง ราคาในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ทีมงานเว็บไซต์ Thaimobilecenter จะทำการอัพเดทให้ได้ทราบกันอีกครั้งครับ
ในที่สุด iPhone 5S ก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว เมื่อช่วงค่ำคืนของวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่ง iPhone 5S นั้นก็มาพร้อมกับการปรับปรุงทั้งในเรื่องของสเปค รวมถึงมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้ามามากมาย โดยในวันนี้ ทีมงานเว็บไซต์ Thaimobilecenter ได้ทำการรวบรวมข้อมูลโดยสรุป ทั้งในเรื่องของสเปค และ ฟีเจอร์ต่างๆ ของ iPhone 5S มาให้ได้ชมกันว่า สมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าว จะมีความน่าสนใจมากแค่ไหน และ จะมีฟีเจอร์อะไรเด่นๆ บ้าง ถ้าพร้อมแล้ว ลองมาชมกันเลยครับ
iPhone 5S จะมีให้เลือก 3 สี นั่นก็คือ ดำ ขาว และ ทอง
สำหรับ iPhone 5S นั้น จะมีตัวเลือกเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งรุ่น นั่นก็คือ รุ่นสีทอง ส่วน รุ่นสีดำ และ สีขาว นั้นก็ยังคงมีการวางจำหน่ายตามปกติ ซึ่งตัวเครื่อง iPhone 5S นั้นจะมีความบางอยู่ที่ 7.6 มิลลิเมตร และ มีน้ำหนักเพียง 112 กรัมเท่านั้น
Touch ID ระบบสแกนลายนิ้วมือบน iPhone 5S
iPhone 5S นั้นจะมาพร้อมกับ ระบบสแกนลายนิ้วมือ ที่เรียกว่า Touch ID ซึ่งเป็นระบบสแกนลายนิ้วมือ ความละเอียดสูง ที่อยู่ภายในปุ่มโฮม คุณสามารถปลดล็อคเครื่อง รวมถึง ยืนยันการซื้อแอพพลิเคชั่น ด้วยลายนิ้วมือของคุณเองได้ทันที
ชิปประมวลผล Apple A7 บน iPhone 5S สมาร์ทโฟนรุ่นแรก ที่ใช้ชิปแบบ 64Bit
สำหรับชิป Apple A7 ที่อยู่บน iPhone 5S นั้นทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าว กลายเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรก ที่ใช้ชิปประมวลผลแบบ 64Bit ซึ่งชิปดังกล่าวนั้น ใช้สถาปัตยกรรมในการผลิตเดียวกันกับ ชิปประมวลผลบนคอมพิวเตอร์เลยทีเดียว นอกจากนี้ เมื่อเทียบความเร็วในการประมวลผลของ Apple A7 กับ iPhone รุ่นแรก ชิปรุ่นใหม่ล่าสุดนี้ จะประมวลผลได้เร็วกว่ารุ่นแรกถึง 40 เท่า
ชิป M7 บน iPhone 5S
สำหรับชิป M7 นั้นถือเป็นชิป ใหม่ล่าสุดที่ถูกนำมาใช้บน iPhone 5S โดยชิปดังกล่าวนั้นจะทำหน้าที่ประมวลผล และตรวจจับการเคลื่อนไหว เพื่อให้นักพัฒนา สามารถพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมในอนาคต
กล้องดิจิตอล พร้อมไฟแฟลชแบบ True Tone Flash บน iPhone 5S
สำหรับกล้องดิจิตอลบน iPhone 5S นั้นยังคงมีความละเอียดอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล แต่จะมีการปรับปรุงขนาดเซ็นเซอร์รับภาพ ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อให้ได้ภาพที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการเปลี่ยนไฟแฟลชด้านหลังเป็น Dual-LED ที่ถูกพัฒนาใหม่ในชื่อ True tone flash ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงเพิ่มเป็น LED 2 ดวง แต่มีการ ปรับปรุง ให้สามารถถ่ายภาพด้วยแฟลช แต่ยังคงได้สีสันที่สมจริงนั่นเอง
iPhone 5S รองรับการถ่ายวีดีโอแบบ Slo-Mo
นอกจากนี้ iPhone 5S ยังรองรับการถ่ายภาพสโลว หรือ Slo-Mo ที่ 120 เฟรม ต่อวินาที ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก ชิปประมวลผลประสิทธิภาพสูง จึงสามารถถ่ายวีดีโอในโหมดดังกล่าวได้
iPhone 5S จะมาพร้อมกับ iOS 7
แน่นอนว่า สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อย่าง iPhone 5S นั้นก็จะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง iOS 7 ตั้งแต่แกะกล่องเลยทีเดียว ซึ่งระบบปฏิบัติการดังกล่าวนั้น ถูกออกแบบให้สามารถทำงานร่วมกับ iPhone 5S ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในการรันแอพพลิเคชั่นแบบ 64 Bit
เคส สำหรับ iPhone 5S โดย Apple
นอกจากนี้ Apple ยังได้มีการเปิดขายเคส iPhone 5S ที่ออกแบบโดย Apple ซึ่งมีให้เลือกหลากสีสัน โดยเคสรุ่นดังกล่าว จะช่วยปกป้องตัวเครื่อง จากรอยขีดข่วน ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
ตารางเปรียบเทียบสเปค ระหว่าง iPhone 5S, iPhone 5C และ iPhone 5
เพื่อให้สามารถเห็นความแตกต่างในเรื่องของสเปค ตัวเครื่องได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทีมงานจึงได้ทำการจัดทำตารางเปรียบเทียบสเปค ระหว่างทั้งสามรุ่น ให้ได้ชมกันว่า จะมีความแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน ลองมาชมกันเลยครับสามารถชมการเปรียบเทียบทั้งสเปค และ ฟีเจอร์ ระหว่าง iPhone 5S, iPhone 5C และ iPhone 5 แบบเต็มๆ ได้โดยการ คลิ๊กที่นี่
วันวางจำหน่าย iPhone 5S
สำหรับ วันวางจำหน่ายของ iPhone 5S สำหรับประเทศไทยนั้น คาดว่าน่าจะอยู่ในช่วงเดือน ธันวาคม ซึ่ง Apple จะเริ่มจำหน่ายในสหรัฐฯ รวมถึง ประเทศหลักๆ ที่มี Apple Store ในประเทศนั้นๆ ก่อน และ จะวางจำหน่ายอีกกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ในช่วงเดือนธันวาคมนี้นั่นเอง
ราคา iPhone 5S
สำหรับราคาในประเทศไทยนั้น ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ในเว็บไซต์ Apple Store เพื่อนบ้างอย่าง Singapore ก็มีการตั้งราคาไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งในสิงคโปร์นั้น iPhone 5S จะเริ่มต้นที่ 988SGD หรือประมาณ 24,500 บาท ซึ่งราคาในสิงคโปร์ นั้นจะแพงกว่าบ้านเราประมาณ 2,000 - 3,000 บาท จึงเป็นไปได้ว่า ราคาของ iPhone 5S น่าจะเริ่มต้นที่ประมาณ 21,900 - 22,900 บาท สำหรับรุ่น 16 GB นั่นเองครับ ซึ่งถ้าหากมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วันวางจำหน่าย รวมถึง ราคาในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ทีมงานเว็บไซต์ Thaimobilecenter จะทำการอัพเดทให้ได้ทราบกันอีกครั้งครับ
ป้ายกำกับ:
ระบบแสกนลายนิ้วมือ,
fingger scan,
iPhone,
iPhone 5C,
iPhone 5S
วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556
เปิดตัว iOS 7 มีอะไรใหม่บ้าง?
หลังจากงานแอปเปิลเปิดตัว iOS 7 ไปแล้วที่งาน WWDC 2013 แน่นอนมันได้สร้างความประหลาดใจให้กับแฟนแอปเปิลทั่วโลก เพราะ iOS 7 มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของแอปเปิล ด้วยอินเตอร์เฟซของ iOS 7 ที่ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด เรียกได้ว่าฉีกความเป็น iOS แบบเดิม ๆ ไปทั้งหมด
ล่าสุดที่งานเปิดตัว iPhone 5S และ iPhone 5C เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา แอปเปิลได้ประกาศเกี่ยวกับอัพเดท iOS 7 เวอร์ชั่นเต็ม โดยจะเปิดให้ผู้ใช้งานทั่วไปที่ใช้ iPhone 5 และ iPhone 4S สามารถอัพเดทผ่าน OTA ได้ในวันที่ 18 กันยายนนี้ ส่วนผู้ใช้ iPhone 4 และ iPad ยังไม่มีรายงานว่าจะได้อัพเดทตอนไหน
สำหรับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่บน iOS 7 ครั้งนี้ถูกออกแบบโดย Jonathan Ive เป็นคนออกแบบอินเตอร์เฟซใหม่ทั้งหมด มาพร้อมแนวคิด "Flat Design" ที่จะเน้นไปที่ความบาง, ตายตัว, เรียบง่ายและดูดีขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้หน้าใหม่ iOS 7 ยังมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่เพียบ ส่วนจะมีฟีเจอร์ใหม่แกะกล่องมีอะไรบ้าง มาติดตามกันเลย
สิ่งที่เพิ่มมาใหม่ของ iOS 7 จากงานเปิดตัว iPhone 5S/5C
หลังจากจบงานเปิดตัว iPhone 5S และ iPhone 5C แอปเปิลก็ได้ปล่อย iOS 7 GM (Golden Master) ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นสมบูรณ์หรือตัวเต็มให้นักพัฒนาได้ทดสอบกันก่อนแล้ว ในเวอร์ชั่นนี้ปรับปรุงหลาย ๆ อย่างใน iOS 7 ให้ดีขึ้นกว่าเดิม รวมถึงมีการเพิ่มเสียงเรียกเข้า เสียงเตือน และวอลเปเปอร์แบบใหม่
Control Center
เชื่อว่าฟีเจอร์นี้น่าจะถูกใจสาวกแอปเปิลหลาย ๆ คนแน่นอน เพราะ iOS 7 แอปเปิลได้เพิ่ม Control Center เปรียบเหมือนกับ SB Settings หรือ Toggle Settings ที่ผู้ใช้มือถือ Android หลายคนคุ้นเคย ฟีเจอร์นี้ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าตั้งค่าต่าง ๆ เบื้องต้นได้ วิธีการเรียกใช้ Control Center ก็ง่าย ๆ เพียงลากนิ้วจากหน้าจอข้างล่างขึ้นด้านบน ก็จะมีเมนูตั้งค่าต่าง ๆ แสดงขึ้นมา เช่น เปิด-ปิด Wi-Fi/3G, เปิด Airplane mode, Bluetooth, Do Not Disturb, ปรับแสงหน้าจอ, ควบคุมการฟังเพลง, ไฟฉาย, เครื่องคิดเลข และกล้อง เป็นต้น ถือว่าเป็นอีกฟีเจอร์ที่สะดวกมาก ๆ โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเจลเบรค iOS เพื่อเพิ่มฟีเจอร์แบบนี้เข้ามาอีกต่อไป
Notification Center
Notification Center ศูนย์รวมการแจ้งเตือนบน iOS 7 ได้ถูกปรับปรุงใหม่ โดยเพิ่มส่วน Today ที่แสดงสิ่งที่ต้องทำวันนี้ โดยดึงข้อมูลจากที่เราบันทึกไว้บนปฏิทิน ส่วน Missed จะรวม การแจ้งเตือนทั้งหมดที่เรายังไม่ได้เปิดดู เช่น ข้อความ, สายที่ไม่ได้รับ เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้ Notification Center โดยเลื่อนลงมาดูได้แม้จะล็อกหน้าจออยู่ก็ตาม สำหรับ Notification Center ถือว่าปรับปรุงได้ดีและมีประโยชน์มากกว่าเดิม
Multitasking
ระบบ Multitasking แบบใหม่ที่ดีกว่า เพราะถูกออกแบบมาให้อนุญาตเฉพาะบางแอพพลิเคชั่นเท่านั้นแจ้งเตือนได้ หากแอพฯ ไหนไม่ได้ใช้งานก็จะถูกหยุดการทำงาน ซึ่งทางแอปเปิลได้เปลี่ยนค่าการวัดจากเดิมที่เป็น Active/Non-Active มาเป็นการวัด Priority ให้ความสำคัญกับแอพฯ ที่เรากำลังใช้งานอยู่ ส่วนแอพฯ ที่ไม่ได้ใช้ก็จะหยุดทำงาน ระบบ Multitasking แบบใหม่นี้จะช่วยให้ประหยัดแบตเตอรี่ได้มากขึ้น
Camera
Camera
แอปเปิลได้ปรับปรุงแอพฯ Camera บน iOS 7 ใหม่ โดยเปลี่ยนอินเตอร์เฟซของกล้องและเพิ่มลูกเล่นแต่งภาพใส่ฟิลเตอร์ให้กับรูปภาพได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาแอพฯ แต่งภาพอีกต่อไป ส่วนฟีเจอร์อื่น ๆ ของกล้องถ่ายภาพยังเหมือนเดิม
Photo
ในส่วนของแอพฯ Photo บน iOS 7 เพิ่มตัวเลือกในการแสดงภาพแบบตามสถานที่ หรือเลือกแสดงตามเวลาที่ถ่ายภาพเพื่อง่ายต่อการค้นหา และมี iCloud Photo Sharing ใช้สำหรับแชร์ภาพและวิดีโอ รวมถึงแชร์ภาพผ่าน AirDrop เพื่อส่งรูปภาพให้กับเพื่อนที่ใช้ iPhone, iPad และ iPod touch ได้
AirDrop
AirDrop สำหรับใครที่ใช้ MacBook น่าจะรู้จักกับฟีเจอร์นี้เป็นอย่างดี ไม่ได้เป็นฟีเจอร์ใหม่ แต่ทางแอปเปิลได้เพิ่มฟีเจอร์ AirDrop เข้ามาอยู่ใน iOS 7 ด้วย ทำให้ผู้ใช้งานสามารถแชร์ภาพ ส่งภาพผ่าน Wi-Fi หรือ Bluetooth ให้กับเพื่อนที่ใช้ iPhone, iPad หรือ MacBook ได้สะดวกกว่าเดิม
Safari
เว็บบราวเซอร์อย่าง Safari ก็มีการปรับปรุงใหม่เช่นกันบน iOS 7 มีการปรับอินเตอร์เฟซใหม่ทั้งหมด เปลี่ยนเมนูแท็บแบบใหม่และแสดงผลแบบ Full screen browsing รวมถึงสามารถซิงก์ข้อมูลได้กับ iCloud Keychain ระบบจัดการรหัสผ่าน และบัตรเครดิตที่จะเก็บไว้บน iCloud พร้อมทั้งซิงก์ไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ และ Password Generator ที่ช่วยสร้างรหัสผ่านเมื่อเราสมัครหรือสร้างบัญชีบนเว็บผ่าน Safari
iTunes Radio
iTunes Radio บริการวิทยุออนไลน์ผ่านระบบ "สตรีมมิ่ง" (Streaming) ที่มีกว่า 200 สถานี ผู้ใช้สามารถเปิดฟังเพลงได้ทั้งบน iPhone, iPod Touch, iPad, Mac, Apple TV และบน PC โดยมีโฆษณา และสามารถแบ่งสถานีตามหมวดเพลง ส่วนคนที่ใช้ iTunes Match จะไม่มีโฆษณา ฟังแล้วถูกใจคลื่นไหนสามารถกดแชร์ให้เพื่อน ๆ ได้ สำหรับ iTunes Radio จะเริ่มเปิดบริการในอเมริกาก่อนเป็นที่แรก
Siri
Siri ฟีเจอร์เก่า แต่ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้น่าใช้งานกว่าเดิม โดย Siri บน iOS 7 ได้เพิ่มเสียงเลขาผู้ชายเข้ามา รวมถึงสามารถตอบโต้ในภาษาอื่นได้ และเพิ่มการค้นหาข้อมูลจาก Wikipedia และ Twitter
App Store
สำหรับ App Store บน iOS 7 มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ที่เหมาะกับคนขี้เกียจอัพเดทแอพฯ บ่อย โดยแอปเปิลได้เพิ่มระบบอัพเดทแอพฯ อัตโนมัติโดยไม่ต้องกดเข้าไปอัพเดทเอง และไม่มีการแจ้งเตือนการอัพเดทมารบกวน นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Apps Near Me ที่แนะนำแอพฯ ยอดนิยมในประเทศที่เราใช้งาน หรือแสดงแอพฯ ที่เป็นประโยชน์ที่เราอยู่ ณ ตอนนั้น
Find My iPhone
Find My iPhone อีกหนึ่งฟีเจอร์สำคัญของคนใช้ iOS ที่ใช้สำหรับตามหาหรือดูตำแหน่ง iPhone แอปเปิลได้ปรับปรุง Find My iPhone ใหม่เพิ่มความปลอดภัยอีกชั้นเรียกว่า "Activation Lock" ในกรณีที่ iPhone หายเมื่อเราใช้คำสั่งล็อกเครื่องจาก Find my iPhone ถึงแม้เครื่องจะถูกล้างข้อมูลทั้งหมดแล้วก็ตาม แต่ก็จะไม่สามารถ Activate เครื่องได้ การ Activate เครื่องได้จะต้องใช้ Apple ID ของเจ้าของเครื่องเท่านั้น
Block Numbers
Block Numbers
บล็อคเบอร์โทรศัพท์อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ผู้ใช้งาน iPhone หลายคนรอคอย สำหรับ iOS 7 แอปเปิลได้เพิ่มฟีเจอร์บล็อคเบอร์โทรศัพท์, ข้อความ (SMS) สามารถบล็อกเบอร์โทรศัพท์บุคคลที่ไม่ต้องการคุยด้วย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มาก ๆ
คุณสมบัติอื่น ๆ ที่เพิ่มเข้ามาของ iOS 7
iOS in the Car สามารถเชื่อมการทำงานของ iOS เข้ากับรถยนต์ เช่น โทรศัพท์ ข้อความ และแผนที่
บล็อกเบอร์โทรศัพท์ สายเข้า, ข้อความ, FaceTime จากเบอร์และคนที่เราไม่ต้องการคุยด้วย
สามารถใช้งาน Maps แบบ Night Mode หรือแผนที่โหมดกลางคืน
Spotlight สำหรับค้นหาสิ่งที่ต้องการในเครื่องจะอยู่หน้า Home screen
Flickr & Vimeo Integration
FaceTime เฉพาะเสียงเท่านั้น
ซิงก์ Notification ข้ามอุปกรณ์ได้ (Notification Sync)
รองรับพจนานุกรม ภาษาจีน และภาษาอังกฤษ
รองรับ Inclinometer เครื่องวัดการเอียงตัว หรือวัดองศาการทำมุม
รองรับ Wi-Fi HotSpot 2.0
Maps รองรับ Turn-by-turn แบบการเดิน
PDF annotations
เลิกใช้ระบบแท็กหน้าบุคคลและสถานที่ใน Photos
วิดีโอรองรับ 60 เฟรมต่อวินาที
รองรับเกมคอนโทรลเลอร์หรือการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ควบคุมเกมจากนักพัฒนาภายนอก
iOS 7 รองรับ iPhone, iPad และ iPod touch รุ่นไหนบ้าง ?
เราได้เห็นฟีเจอร์เด่น ๆ ของ iOS 7 ไปแล้ว ซึ่งยังมีฟีเจอร์อีกหลาย ๆ ตัวที่ไม่ได้กล่าวถึงเอาไว้ไปลองกันเองนะครับ ส่วนตอนนี้มาดูกันว่า iOS 7 สามารถใช้งานกับ iPhone, iPad และ iPod touch รุ่นไหนบ้าง ? รุ่นที่สามารถอัพเดทเป็น iOS 7 ได้แก่ iPhone 4, iPhone 4S, iPhone 5, iPad 2, iPad 3 (The New iPad), iPad 4 (iPad with Retina display), iPad Mini และ iPod touch 5th gen เท่านั้น ส่วนคนใช้ iPhone 3GS และ iPod touch 4th gen ไม่สามารถอัพเดทเป็น iOS 7 ได้
ล่าสุดที่งานเปิดตัว iPhone 5S และ iPhone 5C เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา แอปเปิลได้ประกาศเกี่ยวกับอัพเดท iOS 7 เวอร์ชั่นเต็ม โดยจะเปิดให้ผู้ใช้งานทั่วไปที่ใช้ iPhone 5 และ iPhone 4S สามารถอัพเดทผ่าน OTA ได้ในวันที่ 18 กันยายนนี้ ส่วนผู้ใช้ iPhone 4 และ iPad ยังไม่มีรายงานว่าจะได้อัพเดทตอนไหน
สำหรับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่บน iOS 7 ครั้งนี้ถูกออกแบบโดย Jonathan Ive เป็นคนออกแบบอินเตอร์เฟซใหม่ทั้งหมด มาพร้อมแนวคิด "Flat Design" ที่จะเน้นไปที่ความบาง, ตายตัว, เรียบง่ายและดูดีขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้หน้าใหม่ iOS 7 ยังมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่เพียบ ส่วนจะมีฟีเจอร์ใหม่แกะกล่องมีอะไรบ้าง มาติดตามกันเลย
สิ่งที่เพิ่มมาใหม่ของ iOS 7 จากงานเปิดตัว iPhone 5S/5C
หลังจากจบงานเปิดตัว iPhone 5S และ iPhone 5C แอปเปิลก็ได้ปล่อย iOS 7 GM (Golden Master) ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นสมบูรณ์หรือตัวเต็มให้นักพัฒนาได้ทดสอบกันก่อนแล้ว ในเวอร์ชั่นนี้ปรับปรุงหลาย ๆ อย่างใน iOS 7 ให้ดีขึ้นกว่าเดิม รวมถึงมีการเพิ่มเสียงเรียกเข้า เสียงเตือน และวอลเปเปอร์แบบใหม่
Control Center
Control Center
เชื่อว่าฟีเจอร์นี้น่าจะถูกใจสาวกแอปเปิลหลาย ๆ คนแน่นอน เพราะ iOS 7 แอปเปิลได้เพิ่ม Control Center เปรียบเหมือนกับ SB Settings หรือ Toggle Settings ที่ผู้ใช้มือถือ Android หลายคนคุ้นเคย ฟีเจอร์นี้ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าตั้งค่าต่าง ๆ เบื้องต้นได้ วิธีการเรียกใช้ Control Center ก็ง่าย ๆ เพียงลากนิ้วจากหน้าจอข้างล่างขึ้นด้านบน ก็จะมีเมนูตั้งค่าต่าง ๆ แสดงขึ้นมา เช่น เปิด-ปิด Wi-Fi/3G, เปิด Airplane mode, Bluetooth, Do Not Disturb, ปรับแสงหน้าจอ, ควบคุมการฟังเพลง, ไฟฉาย, เครื่องคิดเลข และกล้อง เป็นต้น ถือว่าเป็นอีกฟีเจอร์ที่สะดวกมาก ๆ โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเจลเบรค iOS เพื่อเพิ่มฟีเจอร์แบบนี้เข้ามาอีกต่อไป
Notification Center
Notification Center
Notification Center ศูนย์รวมการแจ้งเตือนบน iOS 7 ได้ถูกปรับปรุงใหม่ โดยเพิ่มส่วน Today ที่แสดงสิ่งที่ต้องทำวันนี้ โดยดึงข้อมูลจากที่เราบันทึกไว้บนปฏิทิน ส่วน Missed จะรวม การแจ้งเตือนทั้งหมดที่เรายังไม่ได้เปิดดู เช่น ข้อความ, สายที่ไม่ได้รับ เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้ Notification Center โดยเลื่อนลงมาดูได้แม้จะล็อกหน้าจออยู่ก็ตาม สำหรับ Notification Center ถือว่าปรับปรุงได้ดีและมีประโยชน์มากกว่าเดิม
Multitasking
Multitasking
ระบบ Multitasking แบบใหม่ที่ดีกว่า เพราะถูกออกแบบมาให้อนุญาตเฉพาะบางแอพพลิเคชั่นเท่านั้นแจ้งเตือนได้ หากแอพฯ ไหนไม่ได้ใช้งานก็จะถูกหยุดการทำงาน ซึ่งทางแอปเปิลได้เปลี่ยนค่าการวัดจากเดิมที่เป็น Active/Non-Active มาเป็นการวัด Priority ให้ความสำคัญกับแอพฯ ที่เรากำลังใช้งานอยู่ ส่วนแอพฯ ที่ไม่ได้ใช้ก็จะหยุดทำงาน ระบบ Multitasking แบบใหม่นี้จะช่วยให้ประหยัดแบตเตอรี่ได้มากขึ้น
Camera
Camera
แอปเปิลได้ปรับปรุงแอพฯ Camera บน iOS 7 ใหม่ โดยเปลี่ยนอินเตอร์เฟซของกล้องและเพิ่มลูกเล่นแต่งภาพใส่ฟิลเตอร์ให้กับรูปภาพได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาแอพฯ แต่งภาพอีกต่อไป ส่วนฟีเจอร์อื่น ๆ ของกล้องถ่ายภาพยังเหมือนเดิม
Photo
Photo
ในส่วนของแอพฯ Photo บน iOS 7 เพิ่มตัวเลือกในการแสดงภาพแบบตามสถานที่ หรือเลือกแสดงตามเวลาที่ถ่ายภาพเพื่อง่ายต่อการค้นหา และมี iCloud Photo Sharing ใช้สำหรับแชร์ภาพและวิดีโอ รวมถึงแชร์ภาพผ่าน AirDrop เพื่อส่งรูปภาพให้กับเพื่อนที่ใช้ iPhone, iPad และ iPod touch ได้
AirDrop
AirDrop
AirDrop สำหรับใครที่ใช้ MacBook น่าจะรู้จักกับฟีเจอร์นี้เป็นอย่างดี ไม่ได้เป็นฟีเจอร์ใหม่ แต่ทางแอปเปิลได้เพิ่มฟีเจอร์ AirDrop เข้ามาอยู่ใน iOS 7 ด้วย ทำให้ผู้ใช้งานสามารถแชร์ภาพ ส่งภาพผ่าน Wi-Fi หรือ Bluetooth ให้กับเพื่อนที่ใช้ iPhone, iPad หรือ MacBook ได้สะดวกกว่าเดิม
Safari
Safari
เว็บบราวเซอร์อย่าง Safari ก็มีการปรับปรุงใหม่เช่นกันบน iOS 7 มีการปรับอินเตอร์เฟซใหม่ทั้งหมด เปลี่ยนเมนูแท็บแบบใหม่และแสดงผลแบบ Full screen browsing รวมถึงสามารถซิงก์ข้อมูลได้กับ iCloud Keychain ระบบจัดการรหัสผ่าน และบัตรเครดิตที่จะเก็บไว้บน iCloud พร้อมทั้งซิงก์ไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ และ Password Generator ที่ช่วยสร้างรหัสผ่านเมื่อเราสมัครหรือสร้างบัญชีบนเว็บผ่าน Safari
iTunes Radio
iTunes Radio
iTunes Radio บริการวิทยุออนไลน์ผ่านระบบ "สตรีมมิ่ง" (Streaming) ที่มีกว่า 200 สถานี ผู้ใช้สามารถเปิดฟังเพลงได้ทั้งบน iPhone, iPod Touch, iPad, Mac, Apple TV และบน PC โดยมีโฆษณา และสามารถแบ่งสถานีตามหมวดเพลง ส่วนคนที่ใช้ iTunes Match จะไม่มีโฆษณา ฟังแล้วถูกใจคลื่นไหนสามารถกดแชร์ให้เพื่อน ๆ ได้ สำหรับ iTunes Radio จะเริ่มเปิดบริการในอเมริกาก่อนเป็นที่แรก
Siri
Siri
Siri ฟีเจอร์เก่า แต่ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้น่าใช้งานกว่าเดิม โดย Siri บน iOS 7 ได้เพิ่มเสียงเลขาผู้ชายเข้ามา รวมถึงสามารถตอบโต้ในภาษาอื่นได้ และเพิ่มการค้นหาข้อมูลจาก Wikipedia และ Twitter
App Store
App Store
สำหรับ App Store บน iOS 7 มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ที่เหมาะกับคนขี้เกียจอัพเดทแอพฯ บ่อย โดยแอปเปิลได้เพิ่มระบบอัพเดทแอพฯ อัตโนมัติโดยไม่ต้องกดเข้าไปอัพเดทเอง และไม่มีการแจ้งเตือนการอัพเดทมารบกวน นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Apps Near Me ที่แนะนำแอพฯ ยอดนิยมในประเทศที่เราใช้งาน หรือแสดงแอพฯ ที่เป็นประโยชน์ที่เราอยู่ ณ ตอนนั้น
Find My iPhone
Find My iPhone
Find My iPhone อีกหนึ่งฟีเจอร์สำคัญของคนใช้ iOS ที่ใช้สำหรับตามหาหรือดูตำแหน่ง iPhone แอปเปิลได้ปรับปรุง Find My iPhone ใหม่เพิ่มความปลอดภัยอีกชั้นเรียกว่า "Activation Lock" ในกรณีที่ iPhone หายเมื่อเราใช้คำสั่งล็อกเครื่องจาก Find my iPhone ถึงแม้เครื่องจะถูกล้างข้อมูลทั้งหมดแล้วก็ตาม แต่ก็จะไม่สามารถ Activate เครื่องได้ การ Activate เครื่องได้จะต้องใช้ Apple ID ของเจ้าของเครื่องเท่านั้น
Block Numbers
Block Numbers
บล็อคเบอร์โทรศัพท์อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ผู้ใช้งาน iPhone หลายคนรอคอย สำหรับ iOS 7 แอปเปิลได้เพิ่มฟีเจอร์บล็อคเบอร์โทรศัพท์, ข้อความ (SMS) สามารถบล็อกเบอร์โทรศัพท์บุคคลที่ไม่ต้องการคุยด้วย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มาก ๆ
คุณสมบัติอื่น ๆ ที่เพิ่มเข้ามาของ iOS 7
iOS in the Car สามารถเชื่อมการทำงานของ iOS เข้ากับรถยนต์ เช่น โทรศัพท์ ข้อความ และแผนที่
บล็อกเบอร์โทรศัพท์ สายเข้า, ข้อความ, FaceTime จากเบอร์และคนที่เราไม่ต้องการคุยด้วย
สามารถใช้งาน Maps แบบ Night Mode หรือแผนที่โหมดกลางคืน
Spotlight สำหรับค้นหาสิ่งที่ต้องการในเครื่องจะอยู่หน้า Home screen
Flickr & Vimeo Integration
FaceTime เฉพาะเสียงเท่านั้น
ซิงก์ Notification ข้ามอุปกรณ์ได้ (Notification Sync)
รองรับพจนานุกรม ภาษาจีน และภาษาอังกฤษ
รองรับ Inclinometer เครื่องวัดการเอียงตัว หรือวัดองศาการทำมุม
รองรับ Wi-Fi HotSpot 2.0
Maps รองรับ Turn-by-turn แบบการเดิน
PDF annotations
เลิกใช้ระบบแท็กหน้าบุคคลและสถานที่ใน Photos
วิดีโอรองรับ 60 เฟรมต่อวินาที
รองรับเกมคอนโทรลเลอร์หรือการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ควบคุมเกมจากนักพัฒนาภายนอก
iOS 7 รองรับ iPhone, iPad และ iPod touch รุ่นไหนบ้าง ?
iOS 7
เราได้เห็นฟีเจอร์เด่น ๆ ของ iOS 7 ไปแล้ว ซึ่งยังมีฟีเจอร์อีกหลาย ๆ ตัวที่ไม่ได้กล่าวถึงเอาไว้ไปลองกันเองนะครับ ส่วนตอนนี้มาดูกันว่า iOS 7 สามารถใช้งานกับ iPhone, iPad และ iPod touch รุ่นไหนบ้าง ? รุ่นที่สามารถอัพเดทเป็น iOS 7 ได้แก่ iPhone 4, iPhone 4S, iPhone 5, iPad 2, iPad 3 (The New iPad), iPad 4 (iPad with Retina display), iPad Mini และ iPod touch 5th gen เท่านั้น ส่วนคนใช้ iPhone 3GS และ iPod touch 4th gen ไม่สามารถอัพเดทเป็น iOS 7 ได้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)